ในปัจจุบัน ระบบสารสนเทศที่ทาการประมวลผล จัดเก็บ และบริหารข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จา เป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยคอมพิวเตอร์และการสื่อสารเป็นปัจจัยหลักในการดาเนินการ องค์กรที่มีความพร้อมด้านการเงิน บุคลากร และเทคโนโลยี จึงมักพัฒนาระบบของตนเองขึ้นมาเพื่อใช้งาน การพัฒนานี้อาจทาขึ้นเพื่อทดแทนระบบเดิม หรือพัฒนาขึ้นมาใหม่ก็ได้ นักวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) คือบุคลากรที่สาคัญในการพัฒนาระบบสารสนเทศ สาหรับบทนี้จะกล่าวถึงการพัฒนาระบบสารสนเทศดังต่อไปนี้
วงจรชีวิตของระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศเช่นเดียวกับระบบอื่นๆ ที่จะต้องมีจุดกาเนิด เติบโต เติบโตเต็มที่ และเสื่อมสภาพ วงจรชีวิตของระบบสารสนเทศสามารถแบ่งได้เป็น 4 ช่วงคือ
1. การเกิดของระบบสารสนเทศ (Birth) โดยทั่วไปแล้วความต้องการพัฒนาสารสนเทศในองค์กรจะมีที่มาจาก 2 แหล่งใหญ่คือ ความต้องการที่มีความคาดหมายกันไว้ล่วงหน้า ได้แก่ การพัฒนาตามแผนการพัฒนา การปรับปรุงระบบที่มีอยู่ และความต้องการที่มิได้คาดหมายล่วงหน้า ได้แก่ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการทางาน เป็นต้น
2. การพัฒนาเติบโต (Development and Growth) เมื่อธุรกิจเห็นว่าความต้องการระบบสารสนเทศมีความเหมาะสม ก่อให้เกิดคุณค่าต่อการดาเนินงาน องค์การจาดาเนินงานการสรรหาและจัดทาระบบ ตามวิธีองค์การเห็นว่าเหมาะสม นาระบบไปใช้งาน และการบารุงรักษา
3. การเจริญเติบโตเต็มที่ (Maturity) เมื่อพัฒนาระบบสารสนเทศและนาไปใช้งานแล้ว จะเป็นช่วงที่มีการบารุงรักษาระบบเพื่อให้ระบบสามารถตอบสนองความต้องการได้นานที่สุด ระยะเวลาช่วงนี้จะนานเพียงใด ขึ้นอยู่กับสภาพการเปลี่ยนแปลงของการดาเนินงาน และเมื่อจาเป็นต้องมีระบบมาทดแทน ระบบเก่าจะสิ้นสุดการใช้งานไปในที่สุด
4. การสิ้นสุดการใช้งาน (Decline) เมื่อระบบถูกใช้งานมาระยะหนึ่ง ที่การบารุงรักษามีต้นทุนที่สูงเกินไป ธุรกิจจะทาการยกเลิกระบบเก่า และนาระบบใหม่เข้ามาใช้ทดแทน ทาให้เกิดวงจรชีวิตของระบบใหม่ต่อไป
วิธีการพัฒนาระบบ
การพัฒนาระบบสารสนเทศ หมายถึง การสร้างระบบใหม่ หรือปรับเปลี่ยนระบบงานเดิมให้สามารถทางานได้ตามความต้องการ องค์กรธุรกิจ ได้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศขึ้นเพื่อใช้ในการดาเนินงานในแต่ละวัน รวมถึงการตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆ จนกระทั่งระบบสารสนเทศเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดาเนินธุรกิจ แต่ละองค์การจะมีวิธีการพัฒนาระบบสารสนเทศที่แตกต่างกัน วิธีการพัฒนาระบบสารสนเทศมีหลายรูปแบบ ได้แก่
1. วิธีคิดพื้นฐานในการพัฒนาระบบ สามารถจาแนกได้เป็น 4 วิธีคือ
1.1. วิธีเฉพาะเจาะจง (Ad Hoc Approach) คือวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะเจาะจงในงานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะโดยไม่จาเป็นต้องมองภาพรวมของระบบ ระบบเหล่านี้มักต้องดาเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
1.2. วิธีสร้างฐานข้อมูล (Database Approach) คือวิธีการที่มุ่งพัฒนาเฉพาะฐานข้อมูลเพื่อความสะดวกในการรวบรวม จัดเก็บ และประมวลข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ
1.3. วิธีการพัฒนาจากล่างขึ้นบน (Bottom-up Approach) คือวิธีการพัฒนาจากระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว ไปสู่ระบบใหม่ที่ต้องใช้งาน โดยพัฒนาต่อ หรือเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้ระบบมีความสามารถมากขึ้น
1.4. วิธีพัฒนาจากบนลงล่าง (Top-down Approach) คือวิธีการพัฒนาจากนโยบายหรือสิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงต้องการ โดยไม่จาเป็นต้องคานึงถึงระบบที่มีอยู่แล้วในองค์การ
2. วงจรพัฒนาระบบ หรือ เอสดีแอลซี (System Development Life Cycle : SDLC) เป็นการพัฒนาระบบที่มีใช้มานาน และเป็นที่นิยมใช้ในองค์กรส่วนใหญ่ แบ่งขั้นตอนการพัฒนาระบบออกเป็นขั้นตอนต่างๆ เหมาะสาหรับระบบงานที่มีขนาดใหญ่ สามารถกาหนดความต้องการของระบบชัดเจน ข้อเสียของวิธีนี้คือมีต้องใช้บุคลากรเป็นจานวนมาก ค่าใช้จ่ายสูง ค่าใช้จ่ายในการบารุงรักษาสูง ประกอบด้วยระยะต่างๆ ดังนี้
2.1. การวางแผนโครงการ (Project Planning) คือขั้นตอนการค้นหาปัญหาในการทางาน ศึกษาขอบเขตของปัญหาแลกระบวนการทางาน เพื่อหาทางแก้ไข ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ

2.2. การวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) คือขั้นตอนการวิเคราะห์เกี่ยวกับผู้ใช้ระบบขั้นตอนการทางานของระบบเดิม ความต้องการของระบบ แนวคิดในการพัฒนาระบบใหม่ สร้างแบบจาลองของระบบด้วยแผนกภาพกระแสข้อมูล สร้างแบบจาลองข้อมูล

2.3. การออกแบบ (System Design) คือขั้นตอนออกแบบการทางานของระบบ ได้แก่ สถาปัตยกรรมระบบ การรับข้อมูล ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ระบบเครือ รูปแบบรายงาน การปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ รายละเอียดโปรแกรม ฐานข้อมูล การประมวลการพัฒนาระบบตามที่ได้ออกแบบไว้ รวมถึงการทดสอบระบบ และจัดทาคู่มือการใช้งาน
1. การออกแบบระบบ (System Design) หากธุรกิจเลือกพัฒนาระบบเองแล้ว จะมีขั้นตอน ดาเนินการคือ
1.1. การออกแบบเชิงตรรกะ (Logical design) คือ การออกแบบองค์ประกอบหลักต่างๆ ของระบบที่ได้มาจากขั้นตอนการวิเคราะห์ระบบให้อยู่ในรูปของการปฏิบัติงานได้จริง
1.2. การออกแบบเชิงกายภาพ (Physical design) คือ การระบุคุณลักษณะของสิ่งที่จาเป็น ต่อระบบ
2. การพัฒนาระบบ (System development) คือการนาข้อมูล ข้อกาหนด ที่ได้วิเคราะห์ไว้ในขั้น วิเคราะห์และออกแบบระบบ ได้แก่ รูปแบบการรับข้อมูล การประมวลผล รูปแบบรายงาน มาทาการลงรหัสเขียนโปรแกรม หรือจัดสร้างด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมกับงานนั้นๆ
3. การทดสอบระบบ (System testing) คือ การทดสอบโปรแกรมที่สร้างขึ้นว่าสามารถทางานได้อย่างถูกต้องตามความต้องการหรือไม่ กระบวนการนี้จะต้องทาก่อนการติดตั้งระบบ การทดสอบระบบจะต้องดาเนินการ
2.4. การนาไปใช้ (Implementation) หลังจากที่พัฒนาระบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะทาการจัดหา ฮาร์ดแวร์ ติดตั้งระบบ ฝึกอบรมเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานระบบได้ และการประเมินผลระบบ เพื่อนาผลการ ประเมินไปปรับปรุงระบบต่อไป
1. การจัดหาฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และข้อมูลที่ต้องการ สามารถจัดหาได้จาก ผู้ขาย คอมพิวเตอร์และระบบสารสนเทศซึ่งมีอยู่ทั่วไปทั้งบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทขนาดเล็ก
2. การฝึกอบรมผู้ใช้และผู้ดูแลรักษาระบบ เมื่อทาการติดตั้งระบบเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฝึกอบรมเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ซอฟท์แวร์และอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่ได้ออกแบบไว้ การฝึกอบรมนอกจากจะทาให้ผู้ใช้สามารถใช้งานระบบได้อย่างถูกต้องแล้ว
2.5. การบารุงรักษา (System Maintenance) ขั้นตอนของการบารุงรักษาจะเป็นขั้นตอนที่ยาวนานที่สุด เนื่องจากระบบจะต้องได้รับการบารุงรักษาตลอดเวลาที่ใช้งาน ซึ่งมักจะยาวนานหลายปี การบารุงรักษานี้จะช่วยให้ระบบมีความสามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ
3. โมเดลน้าตก (Waterfall Model) การพัฒนาในรูปแบบของโมเดลน้าตกจะมีลักษณะคล้ายกับวงจรการพัฒนาระบบ โดยทั่วไปแล้วจะประกอบไปด้วย 6 ขั้นตอน

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น